วันนี้อยู่ดูโลกให้โสภิณ พรุ่งนี้ชีวินสิ้น ไม่รู้…วันตายน่าเศร้าสะเทือนใจที่หมวดตี้ ร.ต.ต.กฤตติกุล บุญลือ ต้องหยุดโลกของตัวเองไว้ในวัยเพียง 24 ปี
หลังจากจบโรงเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 60 ตัดสินใจเลือกเป็นตำรวจตระเวนชายแดนที่ต้องไปปฏิบัติหน้าที่อยู่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ในฐานะ “พลร่มรบพิเศษค่ายนเรศวร”

ตามแบบอย่าง “ผู้กองแคน” ร.ต.อ.ธรณิศ ศรีสุข นายตำรวจรุ่นพี่ที่เขาให้ความเคารพและยึดถือเป็นแบบอย่างในการทำงานมาตลอด
“หมวดตี้” ใช้เวลา 3 ปีเศษเขียนบันทึกส่วนตัวไว้ในไดอารี่เว็บ www.polize.diaryis.com บรรยายเรื่องราวสารพัดจำนวน 431 วัน บางวันเขียนท่ามกลางเสียงปืน และระเบิดจากกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่สีแดงบนค่ายเหนือเขื่อนบางลาง อำเภอบันนังสตา จังหวัดยะลา มีแฟนคลับวัยรุ่นหนุ่มสาวเข้าไปเยี่ยมชมในเว็บไซต์เป็นจำนวนนับหมื่น
มัจจุราชพรากวิญญาณออกจากร่างในวันเกิดเมื่อเช้าวันที่ 20 มิถุนายน 2551 สังเวยความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
นายปรีชา กมลบุตร สมัยเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นประธานในพิธีอัญเชิญพระราชหัตถเลขาของ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง มอบให้ นางพิมพลักษณ์ บุญลือ อาจารย์ประจำโรงเรียนบางปะหัน อำเภอบางปะหัน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มารดาของ ร.ต.ต.กฤตติกุล บุญลือ
มีข้อความว่า
“เมื่อครั้งที่ทราบข่าวว่า ร.ต.ต.กฤตติกุล บุญลือ สละชีวิตเพื่อปกป้องแผ่นดินไทยในภารกิจลาดตระเวนพื้นที่จังหวัดยะลา เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2551 ข้าพเจ้าก็เศร้าเสียใจมากอยู่แล้ว” พระองค์มีพระราชหัตถเลขา
แต่เมื่อมาได้อ่านหนังสืออนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพ ร.ต.ต.กฤตติกุล จึงทราบถึงอุดมการณ์ของเขาที่ต้องการทำหน้าที่อันยิ่งใหญ่ในการ “พิทักษ์รักษาแผ่นดินแม่”
“อีกทั้ง ร.ต.ต.กฤตติกุล ยังเขียนบันทึกไว้ด้วยว่า ภูมิใจที่ได้ทำหน้าที่อารักขาข้าพเจ้าเมื่อปีที่แล้ว อุ่นใจที่ได้ใช้ผ้าเช็ดตัวจากถุงสิ่งของพระราชทาน ซึ่งข้าพเจ้ามอบให้กองกำลังอารักขาเป็นประจำเสมอมา และดีใจมากที่ได้ไปร่วมงานเลี้ยงอาหารที่ทักษิณราชนิเวศน์”
ทำให้พระองค์ทรงรู้สึกสะเทือนพระหฤทัย และแสนเสียดายหนักหนาที่ยังไม่เคยมีโอกาสได้พูดคุยกับ “วีรบุรุษหนุ่มน้อย” ผู้นี้
ร.ต.ต.กฤตติกุล คือ ลูกไทยผู้มั่นในความซื่อตรงจงรักภักดีต่อประเทศชาติ นับเป็นโชคดีเหลือล้นที่ประเทศไทยมีผู้กล้าหาญที่ไม่คิดหลบหนีภัย
เมื่อมีภัยมาถึงบ้านเมือง แต่กลับเลือกที่จะไปเสี่ยงชีวิตอยู่ในดินแดนอันตราย เพื่อให้พี่น้องชาวไทยส่วนใหญ่ได้อยู่รอดปลอดภัย
“ข้าพเจ้าทราบดีว่าคุณนรินทร์ และคุณพิมพลักษณ์ เสียใจเพียงใดที่ต้องสูญเสียบุตรชายผู้เป็นที่รัก แต่ขอให้ท่านทั้งสองจงภูมิใจในสายโลหิตผู้ข้นเข้มเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักชาติผู้นี้เถิด เพราะวีรกรรมของเขาจารึกไว้ในแผ่นดินไทย และจารึกอยู่ในความทรงจำของข้าพเจ้าตลอดไป”
ธ สถิตอยู่ในดวงใจตำรวจไทยชั่วนิรันดร์
ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้
